Position:home  

ราคา น้ำมันพืช พุ่งสูงสุดในรอบทศวรรษ!

ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ราคา น้ำมันพืช ในประเทศไทยได้พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นสถิติสูงสุดในรอบทศวรรษ โดยมาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐก็ยังไม่อาจฉุดราคามันลงได้ สร้างความปวดหัวให้กับผู้บริโภคและผู้ประกอบการอย่างมาก

สาเหตุของการพุ่งสูงของราคา

ปัจจัยหลักที่ส่งผลให้ ราคา น้ำมันพืช พุ่งสูงขึ้นในเวลานี้มาจาก

  • สงครามในยูเครน: ยูเครนและรัสเซียเป็นผู้ส่งออกน้ำมันพืชรายใหญ่ของโลก สงครามที่ยืดเยื้อส่งผลให้การส่งออกน้ำมันพืชจากทั้งสองประเทศหยุดชะงัก นำไปสู่การขาดแคลนและราคาที่สูงขึ้น
  • การแพร่ระบาดของ COVID-19: การปิดเมืองและมาตรการควบคุมการเดินทางส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก ทำให้การขนส่งน้ำมันพืชล่าช้าและมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้น
  • สภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย: สภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยในหลายพื้นที่ส่งผลให้ผลผลิตน้ำมันพืชลดลง

ผลกระทบต่อผู้บริโภคและผู้ประกอบการ

ราคา น้ำมันพืช ที่สูงขึ้นส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้บริโภคในหลายด้าน

  • ค่าครองชีพที่สูงขึ้น: น้ำมันพืชเป็นวัตถุดิบหลักในการประกอบอาหาร เมื่อราคาสูงขึ้น ค่าใช้จ่ายในการซื้ออาหารก็สูงขึ้นตามไปด้วย
  • การเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค: ผู้บริโภคบางส่วนหันไปบริโภคน้ำมันพืชชนิดอื่นๆ ที่ราคาถูกลง หรือลดการใช้ลงเพื่อลดค่าใช้จ่าย
  • ความเสี่ยงต่อสุขภาพ: หากผู้บริโภคหันไปใช้น้ำมันพืชราคาถูกที่อาจมีคุณภาพต่ำ อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว

สำหรับผู้ประกอบการ ร้านอาหาร และโรงแรมที่ต้องใช้น้ำมันพืชเป็นจำนวนมาก ราคา น้ำมันพืช ที่สูงขึ้นสร้างภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในธุรกิจขนาดเล็กที่ไม่มีอำนาจในการต่อรองราคา

น้ํามันพืช ราคา

มาตรการของภาครัฐ

เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบจาก ราคา น้ำมันพืช ที่สูงขึ้น รัฐบาลได้ออกมาตรการต่างๆ ได้แก่

  • การลดภาษีนำเข้า: รัฐบาลได้ลดภาษีนำเข้าสำหรับน้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันปาล์ม และน้ำมันดอกทานตะวันจาก 5% เหลือ 0% เป็นเวลา 6 เดือน
  • การเปิดโควตานำเข้า: รัฐบาลได้เปิดโควตานำเข้าสำหรับน้ำมันถั่วเหลืองและน้ำมันปาล์มจากต่างประเทศเพื่อเพิ่มปริมาณในตลาด
  • การตรวจสอบตลาด: รัฐบาลได้เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบตลาดเพื่อป้องกันการกักตุนและการฉวยโอกาสขึ้นราคา

กลยุทธ์รับมือสำหรับผู้บริโภค

แม้ว่ามาตรการของภาครัฐจะช่วยบรรเทาผลกระทบได้บ้าง แต่ผู้บริโภคก็ยังต้องรับมือกับ ราคา น้ำมันพืช ที่สูงขึ้นได้โดยใช้กลยุทธ์ต่างๆ ดังนี้

  • เปรียบเทียบราคา: เปรียบเทียบราคา น้ำมันพืช จากหลายๆ ยี่ห้อและซูเปอร์มาร์เก็ตเพื่อเลือกซื้อตัวเลือกที่คุ้มค่าที่สุด
  • ซื้อปริมาณมาก: หากใช้ น้ำมันพืช เป็นประจำ อาจพิจารณาซื้อในปริมาณมากเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายต่อหน่วย
  • หันไปใช้น้ำมันพืชชนิดอื่น: หันไปใช้น้ำมันพืชชนิดอื่นๆ ที่มีราคาถูกลง เช่น น้ำมันรำข้าว น้ำมันคาโนลา หรือน้ำมันถั่วเหลือง
  • ใช้น้ำมันพืชให้น้อยลง: ปรับลดปริมาณ น้ำมันพืช ที่ใช้ในการปรุงอาหาร เช่น การใช้กระทะเคลือบสารกันติด การย่าง หรือการนึ่งแทนการทอด

เคล็ดลับและเทคนิคประหยัด

นอกจากกลยุทธ์แล้ว ยังมีเคล็ดลับและเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ ที่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายจาก ราคา น้ำมันพืช ที่สูงขึ้นได้อีกด้วย

ราคา น้ำมันพืช พุ่งสูงสุดในรอบทศวรรษ!

  • ใช้ซ้ำ: น้ำมันพืชบางชนิด เช่น น้ำมันปาล์ม สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำสำหรับการทอดได้หลายครั้ง โดยผ่านการกรองเอาเศษอาหารออก
  • ใช้ช้อนตวง: ใช้ช้อนตวงน้ำมันพืชที่ใช้ในการปรุงอาหาร เพื่อป้องกันการใช้มากเกินไปโดยไม่จำเป็น
  • ซื้อน้ำมันพืชแบบบรรจุถุงเติม: หากต้องการซื้อน้ำมันพืชในปริมาณมาก การซื้อแบบบรรจุถุงเติมจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายมากกว่าการซื้อขวดขนาดเล็ก

เรื่องราวตลกและบทเรียน

ในช่วงเวลาที่ ราคา น้ำมันพืช สูงขึ้นเช่นนี้ ก็มีเรื่องราวตลกๆ และบทเรียนที่เราสามารถเรียนรู้ได้

  • แม่ค้าทอดไก่ด้วยน้ำเปล่า: มีเรื่องเล่าว่าแม่ค้าทอดไก่รายหนึ่งไม่ทันสังเกตว่าน้ำมันพืชในกระทะหมดแล้ว จึงทอดไก่ด้วยน้ำเปล่าไปหลายตัวกว่าจะรู้ตัว บทเรียนที่ได้คือ ต้องใส่ใจกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
  • ร้านอาหารใช้ผงซักฟอกขจัดคราบน้ำมัน: มีข่าวลือแพร่สะพัดว่าร้านอาหารบางแห่งใช้น้ำยาซักผ้าหรือผงซักฟอกขจัดคราบน้ำมันออกจากจานอาหารแทนน้ำมันพืช บทเรียนที่ได้คือ อย่าใช้ผลิตภัณฑ์อื่นๆ มาแทนที่น้ำมันพืชในการปรุงอาหาร
  • พระวัดพุทธไธสวรรย์ใช้น้ำมันพืชเก่าทอดขนม: เมื่อ ราคา น้ำมันพืช สูงขึ้น พระวัดพุทธไธสวรรย์ จังหวัดกรุงเทพฯ ได้นำน้ำมันพืชเก่าจากการทอดไก่และกล้วยแขกไปเจือจางกับน้ำมันพืชใหม่เพื่อนำมาทอดขนมสร้างรายได้ให้กับวัด บทเรียนที่ได้คือ ความฉลาดในการหาทางออกในยามวิกฤต

วิธีรับมือแบบทีละขั้นตอน

เพื่อรับมือกับ ราคา น้ำมันพืช ที่สูงขึ้น ผู้บริโภคสามารถปฏิบัติตามวิธีการทีละขั้นตอนต่อไปนี้

  1. เปรียบเทียบราคา: เปรียบเทียบราคา น้ำมันพืช จากหลายๆ แหล่งเพื่อหาตัวเลือกที่ดีที่สุด
  2. ซื้อปริมาณมาก: หากใช้ น้ำมันพืช เป็นประจำ พิจารณาซื้อในปริมาณมากเพื่อประหยัด
  3. หันไปใช้น้ำมันพืชชนิดอื่น: ลองใช้น้ำมันพืชชนิดอื่นๆ ที่มีราคาถูกลง
  4. ใช้น้ำมันพืชให้น้อยลง: ปรับลดปริมาณ น้ำมันพืช ในการปรุงอาหาร
  5. ใช้ซ้ำหรือซื้อน้ำมันพืชแบบเติม: ใช้เทคนิคการประหยัดต่างๆ เพื่อลดค่าใช้จ่าย

ตารางสรุป

| มาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐ |
|---|---|
| การลดภาษีนำเข้า | ลดภาษีนำเข้าสำหรับน้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันปาล์ม และน้ำมันดอกทานตะวันจาก 5% เหลือ 0% |
| การเปิดโควตานำเข้า | เปิดโควตานำเข้าสำหรับน้ำมันถั่วเหลืองและน้ำมันปาล์มจากต่างประเทศ |
| การตรวจสอบตลาด | เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบตลาดเพื่อป้องกันการกักตุนและการฉวยโอกาสขึ้นราคา |

| กลยุทธ์รับมือสำหรับผู้บริโภค |
|---|---|
| เปรียบเทียบราคา | เปรียบเทียบราคา น้ำมันพืช จากหลายๆ แหล่งเพื่อหาตัวเลือกที่ดีที่สุด |
| ซื้อปริมาณมาก | หากใช้ น้ำมันพืช เป็นประจำ พิจารณาซื้อในปริมาณมากเพื่อประหยัด |
| หันไปใช้น

Time:2024-09-09 00:58:18 UTC

newthai   

TOP 10
Related Posts
Don't miss