Position:home  

เล็บเป็นเชื้อรา: โรคผิวหนังที่พบบ่อยที่สุด ควรรู้จักและรักษาให้หายขาด

เชื้อราที่เล็บ: โรคผิวหนังที่พบบ่อยที่สุด

เชื้อราที่เล็บ เป็นโรคผิวหนังที่พบบ่อยที่สุด โดยมีผู้ได้รับผลกระทบประมาณ 10% ของประชากรทั่วโลก ในประเทศสหรัฐอเมริกามีผู้ที่เป็นเชื้อราที่เล็บประมาณ 35 ล้านคน ในขณะที่ในประเทศไทยมีผู้ที่เป็นเชื้อราที่เล็บประมาณ 5-10% ของประชากร

เชื้อราที่เล็บ เกิดจากเชื้อราที่เจริญในบริเวณเล็บ โดยเชื้อราเหล่านี้สามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่

  • Dermatophytes: เป็นเชื้อราที่พบได้บ่อยที่สุดและทำให้เกิดเชื้อราที่เล็บประมาณ 80%
  • Yeasts: เป็นเชื้อราที่พบได้น้อยกว่าและทำให้เกิดเชื้อราที่เล็บประมาณ 10%
  • Molds: เป็นเชื้อราที่พบได้น้อยที่สุดและทำให้เกิดเชื้อราที่เล็บประมาณ 10%

อาการของเชื้อราที่เล็บ

อาการของเชื้อราที่เล็บมีหลากหลาย ขึ้นอยู่กับชนิดของเชื้อราที่ทำให้เกิดการติดเชื้อ โดยทั่วไปแล้ว อาการของเชื้อราที่เล็บจะมีดังนี้

เล็บเป็นเชื้อรา

  • เล็บเปลี่ยนสี เล็บอาจเปลี่ยนเป็นสีขาว เหลือง น้ำตาล หรือเขียว
  • เล็บหนาขึ้น เล็บอาจหนาขึ้นและเปราะบางมากขึ้น
  • เล็บเปราะ เล็บอาจเปราะและแตกหักง่ายขึ้น
  • เล็บมีรอยบุ๋มหรือเป็นคลื่น เล็บอาจมีรอยบุ๋มหรือเป็นคลื่น
  • เล็บมีกลิ่นเหม็น เล็บอาจมีกลิ่นเหม็น
  • เล็บหลุดออก เล็บอาจหลุดออกจากนิ้วได้

สาเหตุของเชื้อราที่เล็บ

เชื้อราที่เล็บเกิดจากการติดเชื้อราที่เล็บ โดยเชื้อราเหล่านี้สามารถเข้าสู่เล็บได้ผ่านทางรอยแตกหรือรอยแยกในเล็บ หรือผ่านทางผิวหนังที่อยู่รอบเล็บ เชื้อราเหล่านี้สามารถเจริญเติบโตได้ในสภาพแวดล้อมที่อบอุ่นและชื้น ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่พบได้ในรองเท้าและถุงเท้า

ปัจจัยเสี่ยงของเชื้อราที่เล็บ

มีหลายปัจจัยที่สามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดเชื้อราที่เล็บ ได้แก่

เล็บเป็นเชื้อรา: โรคผิวหนังที่พบบ่อยที่สุด ควรรู้จักและรักษาให้หายขาด

  • อายุ: ผู้สูงอายุมีแนวโน้มที่จะเป็นเชื้อราที่เล็บมากกว่าผู้ที่อายุน้อยกว่า
  • เพศ: ผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะเป็นเชื้อราที่เล็บมากกว่าผู้ชาย
  • โรคบางชนิด: ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน โรคผิวหนัง หรือโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง มีแนวโน้มที่จะเป็นเชื้อราที่เล็บมากกว่าผู้ที่ไม่มีโรคเหล่านี้
  • การใช้ยาบางชนิด: ผู้ที่ใช้ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์หรือยาเคมีบำบัด มีแนวโน้มที่จะเป็นเชื้อราที่เล็บมากกว่าผู้ที่ไม่ได้ใช้ยาเหล่านี้
  • การบาดเจ็บที่เล็บ: ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บที่เล็บ มีแนวโน้มที่จะเป็นเชื้อราที่เล็บมากกว่าผู้ที่ไม่ได้รับบาดเจ็บที่เล็บ
  • การสวมรองเท้าและถุงเท้าที่คับเกินไป: ผู้ที่สวมรองเท้าและถุงเท้าที่คับเกินไป มีแนวโน้มที่จะเป็นเชื้อราที่เล็บมากกว่าผู้ที่สวมรองเท้าและถุงเท้าที่มีขนาดพอดี

การรักษาเชื้อราที่เล็บ

การรักษาเชื้อราที่เล็บมีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับชนิดของเชื้อราที่ทำให้เกิดการติดเชื้อ วิธีการรักษาที่พบบ่อยที่สุด ได้แก่

เชื้อราที่เล็บ: โรคผิวหนังที่พบบ่อยที่สุด

  • ยาทาเล็บต้านเชื้อรา: ยาทาเล็บต้านเชื้อราสามารถใช้ได้กับเชื้อราที่เล็บที่ไม่รุนแรง โดยยาทาเล็บต้านเชื้อราจะช่วยฆ่าเชื้อราและป้องกันการแพร่กระจายของการติดเชื้อ
  • ยาเม็ดต้านเชื้อรา: ยาเม็ดต้านเชื้อราสามารถใช้ได้กับเชื้อราที่เล็บที่รุนแรง โดยยาเม็ดต้านเชื้อราจะช่วยฆ่าเชื้อราและป้องกันการแพร่กระจายของการติดเชื้อ
  • การผ่าตัด: การผ่าตัดสามารถใช้ได้กับเชื้อราที่เล็บที่รุนแรง โดยการผ่าตัดจะช่วยขจัดเล็บที่ติดเชื้อออก

การป้องกันเชื้อราที่เล็บ

มีหลายวิธีที่สามารถช่วยป้องกันเชื้อราที่เล็บ ได้แก่

  • รักษาสุขอนามัยที่ดี: ควรล้างมือและเท้าให้สะอาดด้วยสบู่และน้ำอยู่เสมอ ควรตัดเล็บให้สั้นและสะอาด และควรเปลี่ยนรองเท้าและถุงเท้าทุกวัน
  • สวมรองเท้าและถุงเท้าที่พอดี: ควรสวมรองเท้าและถุงเท้าที่มีขนาดพอดี เพื่อป้องกันการบาดเจ็บที่เล็บ
  • หลีกเลี่ยงการเดินเท้าเปล่าในที่สาธารณะ: ควรหลีกเลี่ยงการเดินเท้าเปล่าในที่สาธารณะ เช่น สระว่ายน้ำหรือห้องอาบน้ำสาธารณะ เพื่อป้องกันการติดเชื้อราจากผู้อื่น
  • ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลเท้าที่มีฤทธิ์ต้านเชื้อรา: ควรใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลเท้าที่มีฤทธิ์ต้านเชื้อรา เช่น สเปรย์หรือผงโรยเท้า เพื่อป้องกันการติดเชื้อรา

ตารางสรุป

ประเภทของเชื้อราที่ทำให้เกิดเชื้อราที่เล็บ ความชุก อาการ
Dermatophytes 80% เล็บเปลี่ยนสี เล็บหนาขึ้น เล็บเปราะ เล็บมีรอยบุ๋มหรือเป็นคลื่น เล็บมีกลิ่นเหม็น
Yeasts 10% เล็บเปลี่ยนสี เล็บหนาขึ้น เล็บเปราะ เล็บหลุดออก
Molds 10% เล็บเปลี่ยนสี เล็บหนาขึ้น เล็บเปราะ เล็บมีรอยบุ๋มหรือเป็นคลื่น เล็บหลุดออก

เรื่องราวในอารมณ์ขัน

เรื่องที่ 1:

ชายหนุ่มคนหนึ่งไปพบแพทย์ผิวหนังเพราะมีอาการเล็บเปลี่ยนสีและหนาขึ้น แพทย์วินิจฉัยว่าชายหนุ่มคนดังกล่าวเป็นเชื้อราที่เล็บและสั่งให้ใช้ยาทาเล็บต้านเชื้อรา ชายหนุ่มคนดังกล่าวใช้ยาทาเล็บต้านเชื้อราเป็นเวลาหลายสัปดาห์ แต่อาการของเขาก็ไม่ดีขึ้น เขาจึงกลับไปพบแพทย์อีกครั้ง แพทย์จึงถามชายหนุ่มว่าเขาทายาทาเล็บต้านเชื้อราที่เล็บทุกวันหรือไม่ ชายหนุ่มตอบว่า "ทุกวันครับ แต่ทาที่เล็บมือเท่านั้น เพราะผมคิดว่าเล็บเท้าคงไม่เป็นเชื้อรา"

สิ่งที่ได้เรียนรู้:

  • เชื้อราที่เล็บสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งที่เล็บมือและเล็บเท้า
  • ควรใช้ยาทาเล็บต้านเชื้อราตามคำแนะนำของแพทย์

เรื่องที่ 2:

เชื้อราที่เล็บ

หญิงสาวคนหนึ่งไปพบแพทย์ผิวหนังเพราะมีอาการเล็บหนาขึ้นและเปราะ แพทย์วินิจฉัยว่าหญิงสาวคนดังกล่าวเป็นเชื้อราที่เล็บและสั่งให้ใช้ยาเม็ดต้านเชื้อรา หญิงสาวคนดังกล่าวใช้ยาเม็ดต้านเชื้อราเป็นเวลาหลายเดือน แต่อาการของเธอก็ไม่ดีขึ้น เธอจึงกลับไปพบแพทย์อีกครั้ง แพทย์จึงถามหญิงสาวว่าเธอกินยาเม็ดต้านเชื้อราทุกวันหรือไม่ หญิงสาวตอบว่า "ทุกวันค่ะ แต่กินเพียงครึ่งเดียว เพราะกลัวว่ายาจะแรงเกินไป"

สิ่งที่ได้เรียนรู้:

  • ควรใช้ยาเม็ดต้านเชื้อราตามคำแนะนำของแพทย์
  • การใช้ยาเม็ดต้านเชื้อราไม่ครบตามขนาดที่แพทย์สั่ง อาจทำให้การรักษาไม่ได้ผล

เรื่องที่ 3:

ชายชราคนหนึ่งไปพบแพทย์ผิวหนังเพราะมีอาการเล็บหลุดออก แพทย์วินิจฉัยว่าชายชราคนดังกล่าวเป็นเชื้อราที่เล็บและแนะนำให้ผ่าตัดเพื่อขจัดเล็บที่ติดเชื้อออก ชายชราปฏิเสธที่จะผ่าตัดเพราะกลัวว่าจะเจ็บ เขาจึงขอให้แพทย์สั่งยาทาเล็บต้านเชื้อราให้แทน แพทย์สั่งยาท

Time:2024-09-07 04:00:57 UTC

newthai   

TOP 10
Related Posts
Don't miss