Position:home  

ชีวิตและการเมืองของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เส้นทางสู่นายกรัฐมนตรี

ปฐมบท

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ของประเทศไทย และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เกิดเมื่อวันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2496 ที่จังหวัดนครราชสีมา เป็นบุตรชายของนายทองดี และนางสำเนียง จันทร์โอชา

การศึกษาและชีวิตการทหาร

พลเอกประยุทธ์สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 12 และโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 23 ท่านเริ่มรับราชการในกองทัพบกตั้งแต่ปี พ.ศ. 2519 และเลื่อนยศขึ้นเรื่อยมาจนถึงยศพลเอกในปี พ.ศ. 2556

ชีวิตในกองทัพบก

ตลอดการรับราชการในกองทัพบก พลเอกประยุทธ์ดำรงตำแหน่งสำคัญต่างๆ มากมาย ได้แก่

  • ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (พ.ศ. 2545-2547)
  • ผู้ช่วยเสนาธิการทหารบกฝ่ายยุทธการ (พ.ศ. 2547-2549)
  • แม่ทัพภาคที่ 1 (พ.ศ. 2549-2553)
  • ผู้บัญชาการทหารบก (พ.ศ. 2553-2557)

รัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557

เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 พลเอกประยุทธ์และกองทัพบกได้ก่อรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยอ้างเหตุผลเพื่อรักษาความสงบและความมั่นคงของชาติ

ประวัติประยุทธ์ จันทร์โอชา

บทบาทหลังรัฐประหาร

หลังการรัฐประหาร พลเอกประยุทธ์ได้จัดตั้งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อบริหารประเทศ และดำรงตำแหน่งหัวหน้า คสช. และนายกรัฐมนตรี

ในช่วงที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ได้ริเริ่มโครงการและนโยบายต่างๆ มากมาย เช่น

  • โครงการไทยนิยม ยั่งยืน
  • โครงการประชารัฐ
  • นโยบายประเทศไทย 4.0
  • โครงการอีสเทิร์นซีบอร์ด
  • โครงการรถไฟความเร็วสูง

การเลือกตั้งทั่วไป 2562

เมื่อวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2562 ประเทศไทยได้จัดการเลือกตั้งทั่วไปหลังรัฐประหารเป็นครั้งแรก พรรคพลังประชารัฐซึ่งสนับสนุนพลเอกประยุทธ์ได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้ง แต่ไม่ได้รับเสียงข้างมากเด็ดขาด

พลเอกประยุทธ์ได้เข้าร่วมกับพรรคเล็กเพื่อจัดตั้งรัฐบาลผสม และได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 2 เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2562

การวิพากษ์วิจารณ์

ตลอดช่วงที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ต้องเผชิญกับการวิพากษ์วิจารณ์จากฝ่ายตรงข้ามและประชาชนจำนวนหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน การปราบปรามฝ่ายตรงข้าม และการใช้อำนาจที่ไม่ชอบธรรม

ชีวิตและการเมืองของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เส้นทางสู่นายกรัฐมนตรี

มรดกของพลเอกประยุทธ์

ถึงแม้จะมีการวิพากษ์วิจารณ์ แต่พลเอกประยุทธ์ก็ยังได้รับการสนับสนุนจากผู้สนับสนุนจำนวนมากที่ชื่นชมในความเด็ดขาดและความมุ่งมั่นในการรักษาความสงบและความมั่นคงของชาติ

1. เรื่องราวการรักษาความปลอดภัย

มรดกของพลเอกประยุทธ์ในฐานะนายกรัฐมนตรีนั้นยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่าท่านเป็นหนึ่งในบุคคลที่มีอิทธิพลมากที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทยสมัยใหม่

ตารางเวลาชีวิต

ปี เหตุการณ์สำคัญ
1953 เกิดที่จังหวัดนครราชสีมา
1970 เข้าศึกษาที่โรงเรียนเตรียมทหาร
1975 สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า
1992 ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์
2006 ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก
2014 ก่อรัฐประหารยึดอำนาจ
2014 ดำรงตำแหน่งหัวหน้า คสช. และนายกรัฐมนตรี
2019 จัดตั้งรัฐบาลผสมและดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 2

ตารางผลการเลือกตั้ง

ปี พรรค คะแนนเสียง %
2019 พลังประชารัฐ 8.4 ล้าน 25.75
2019 เพื่อไทย 7.9 ล้าน 24.03
2019 อนาคตใหม่ 6.3 ล้าน 19.17

ตารางการเติบโตทางเศรษฐกิจ

ปี GDP (ล้านบาท) อัตราเติบโต (%)
2014 13.3 0.8
2015 13.8 3.2
2016 14.4 3.5
2017 14.8 3.9
2018 15.3 4.1

เรื่องราวที่น่าสนใจ

1. เรื่องราวการรักษาความปลอดภัย

ครั้งหนึ่งขณะที่พลเอกประยุทธ์กำลังตรวจเยี่ยมพื้นที่ในจังหวัดชายแดนใต้ ท่านถูกคนร้ายลอบสังหารโดยการซุ่มยิง พลเอกประยุทธ์สามารถหลบกระสุนได้อย่างหวุดหวิด และกล่าวติดตลกว่าตนเองมี "เกราะเพชร" ที่คอยปกป้องอยู่

บทเรียนที่ได้: แม้จะอยู่ในภาวะอันตราย แต่ความมีสติและปฏิกิริยาที่ว่องไวสามารถช่วยชีวิตได้

2. เรื่องราวการหักโหมทำงาน

พลเอกประยุทธ์เป็นที่รู้จักในฐานะผู้นำที่ทำงานหนักและมักทำงานวันละหลายชั่วโมง ครั้งหนึ่งขณะที่กำลังประชุมอยู่กับคณะรัฐมนตรี ท่านรู้สึกไม่สบายจนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล แต่หลังจากรักษาตัวเพียง 1 วัน ท่านก็กลับมาทำงานตามปกติ

บทเรียนที่ได้: ความทุ่มเทและความมุ่งมั่นสามารถเอาชนะอุปสรรคใดๆ ได้

3. เรื่องราวความจริงใจ

ในช่วงที่พลเอกประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีใหม่ๆ ท่านได้กล่าวสุนทรพจน์ที่เปิดเผยและตรงไปตรงมา โดยยอมรับถึงปัญหาต่างๆ ของประเทศและสัญญาว่าจะแก้ไข ท่านยังขอให้ประชาชนให้โอกาสท่านและทีมงานในการสร้างความเปลี่ยนแปลง

บทเรียนที่ได้: ความจริงใจและความโปร่งใสสามารถสร้างความเชื่อมั่นกับประชาชนได้

ข้อผิดพลาดที่ควรหลีกเลี่ยง

1. การตัดสินใจที่หุนหันพลันแล่น

ในช่วงเวลาที่เกิดวิกฤต การตัดสินใจที่หุนหันพลันแล่นโดยไม่ไตร่ตรองให้รอบคอบอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์ได้

2. การไม่ยอมรับความผิดพลาด

ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งใด ความกล้าที่จะยอมรับความผิดพลาดและเรียนรู้จากความผิดพลาดนั้นเป็นสิ่งสำคัญ

3. การไม่รับฟังคำวิจารณ์

การรับฟังคำติชม

newthai   

TOP 10
Related Posts
Don't miss