เขื่อนวชิราลงกรณ์ หรือที่รู้จักกันในชื่อเขื่อนกระแสสินธุ์ ถือเป็นโครงการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดใหญ่ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย เขื่อนนี้ไม่เพียงแต่ให้ประโยชน์ในการผลิตพลังงานไฟฟ้า แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการชลประทาน การควบคุมอุทกภัย และการส่งเสริมการท่องเที่ยวอีกด้วย
ที่ตั้ง: อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ความจุเก็บกักน้ำ: 810 ล้านลูกบาศก์เมตร
พื้นที่ชลประทาน: 538,000 ไร่
เครื่องกำเนิดไฟฟ้า: 6 เครื่อง กำลังการผลิต 312 เมกะวัตต์
ปีที่เริ่มก่อสร้าง: พ.ศ. 2523
ปีที่แล้วเสร็จ: พ.ศ. 2530
เขื่อนวชิราลงกรณ์มีเครื่องกำเนิดไฟฟ้า 6 เครื่องที่สามารถผลิตไฟฟ้าได้รวม 312 เมกะวัตต์ คิดเป็น 80% ของความต้องการไฟฟ้าของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ไฟฟ้าที่ผลิตได้ส่งตรงไปยังระบบจำหน่ายไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ช่วยลดการพึ่งพาพลังงานฟอสซิลและส่งเสริมการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนในประเทศ
โครงการชลประทานของเขื่อนวชิราลงกรณ์ครอบคลุมพื้นที่ชลประทาน 538,000 ไร่ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี และอ่างทอง การชลประทานช่วยเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร ลดความเสี่ยงจากภัยแล้ง และเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรในพื้นที่
เขื่อนวชิราลงกรณ์มีบทบาทสำคัญในการควบคุมระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาในช่วงฤดูน้ำหลาก โดยสามารถเก็บกักน้ำได้สูงสุด 810 ล้านลูกบาศก์เมตร การควบคุมอุทกภัยช่วยป้องกันความเสียหายต่อพื้นที่เกษตรกรรม ชุมชน และโครงสร้างพื้นฐานริมแม่น้ำ
เขื่อนวชิราลงกรณ์มีภูมิประเทศที่สวยงาม และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินกับกิจกรรมต่างๆ เช่น ล่องเรือ ตกปลา ปั่นจักรยาน และแคมปิ้งบริเวณพื้นที่โดยรอบเขื่อน
การบริหารจัดการเขื่อนวชิราลงกรณ์อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) โดยมีการจัดตั้ง ศูนย์ควบคุมการเดินเครื่องเขื่อนวชิราลงกรณ์ เพื่อควบคุมการผลิตไฟฟ้าและการระบายน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ กฟผ. ยังทำงานร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ เพื่อจัดการทรัพยากรน้ำในเขื่อนให้เกิดประโยชน์สูงสุด
การก่อสร้างเขื่อนวชิราลงกรณ์มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมบางประการ เช่น การสูญเสียพื้นที่ป่า การย้ายถิ่นของสัตว์ป่า และการเปลี่ยนแปลงระดับน้ำในแม่น้ำ อย่างไรก็ตาม กฟผ. ได้ดำเนินการมาตรการบรรเทาผลกระทบต่างๆ เช่น การปลูกป่าทดแทน การสร้างสถานที่เพาะพันธุ์สัตว์ป่า และการปรับปรุงระบบนิเวศของแม่น้ำ
กฟผ. มุ่งมั่นที่จะพัฒนาเขื่อนวชิราลงกรณ์อย่างยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ การป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และการส่งเสริมการพัฒนาชุมชนในพื้นที่ กฟผ. ได้ดำเนินการโครงการต่างๆ เพื่อบรรลุเป้าหมายเหล่านี้ เช่น
เขื่อนวชิราลงกรณ์มีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจไทยในหลายด้าน:
อนาคตของเขื่อนวชิราลงกรณ์ยังคงสดใส เขื่อนนี้ยังคงมีบทบาทสำคัญในการผลิตไฟฟ้า ชลประทาน และการควบคุมอุทกภัยในประเทศไทย กฟผ. ยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาเขื่อนอย่างยั่งยืน เพื่อให้ประโยชน์แก่ประชาชนและเศรษฐกิจไทยไปอีกหลายปีข้างหน้า
เขื่อนวชิราลงกรณ์เป็นโครงการพัฒนาแหล่งน้ำที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อประเทศไทย เขื่อนนี้ให้ประโยชน์ที่หลากหลาย รวมถึงการผลิตพลังงานไฟฟ้า การชลประทาน การควบคุมอุทกภัย และการส่งเสริมการท่องเที่ยว การบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพและการพัฒนาอย่างยั่งยืนของ กฟผ. ช่วยให้เขื่อนวชิราลงกรณ์ยังคงเป็นแหล่งพลังงานสะอาดและความเจริญรุ่งเรืองของไทยต่อไปในอนาคต
ลักษณะ | ข้อมูล |
---|---|
ประเภทเขื่อน | เขื่อนหินถมแกนดินเหนียว |
ความสูงสันเขื่อน | 31 เมตร |
ความยาวสันเขื่อน | 2,282 เมตร |
ความจุเก็บกักน้ำ | 810 ล้านลูกบาศก์เมตร |
พื้นที่ชลประทาน | 538,000 ไร่ |
เครื่องกำเนิดไฟฟ้า | 6 เครื่อง |
กำลังการผลิตไฟฟ้า | 312 เมกะวัตต์ |
ประโยชน์ | รายละเอียด |
---|---|
การผลิตพลังงานไฟฟ้า | 312 เมกะวัตต์ |
การชลประทาน | 538,000 ไร่ |
การควบคุมอุทกภัย | เก็บกักน้ำได้ 810 ล้านลูกบาศก์เมตร |
การท่องเที่ยว | สถาน |
2024-08-01 02:38:21 UTC
2024-08-08 02:55:35 UTC
2024-08-07 02:55:36 UTC
2024-08-25 14:01:07 UTC
2024-08-25 14:01:51 UTC
2024-08-15 08:10:25 UTC
2024-08-12 08:10:05 UTC
2024-08-13 08:10:18 UTC
2024-08-01 02:37:48 UTC
2024-08-05 03:39:51 UTC
2024-09-05 09:00:15 UTC
2024-09-05 09:00:38 UTC
2024-09-06 03:36:12 UTC
2024-09-06 03:36:40 UTC
2024-09-07 09:23:37 UTC
2024-09-07 09:24:05 UTC
2024-10-19 01:33:05 UTC
2024-10-19 01:33:04 UTC
2024-10-19 01:33:04 UTC
2024-10-19 01:33:01 UTC
2024-10-19 01:33:00 UTC
2024-10-19 01:32:58 UTC
2024-10-19 01:32:58 UTC