Position:home  

น้ำปลาหวานโบราณ...มรดกล้ำค่าคู่ครัวไทย

น้ำปลาหวาน อาหารปรุงรสประจำครัวไทยที่มีมานานตั้งแต่โบราณ ช่วยเพิ่มรสชาติให้อาหารจานต่างๆ ทั้งคาวและหวานได้อย่างลงตัว น้ำปลาหวานนั้นปรุงมาจากน้ำปลา純正 น้ำตาลปี๊บ มะขามเปียก กระเทียม พริกขี้หนู และเครื่องเทศต่างๆ กลายเป็นซอสข้นเหนียวรสชาติเปรี้ยวหวานเค็มกลมกล่อม ลงตัวทุกเมนูอาหาร

ประวัติความเป็นมาของน้ำปลาหวาน

การกำเนิดของน้ำปลาหวานนั้นยังไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด แต่สันนิษฐานว่ามีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา โดยมีบันทึกหลักฐานพบในตำราอาหารโบราณ "แม่ครัวหัวป่าก์" ซึ่งเป็นตำราอาหารของชาววังในสมัยนั้น

ในอดีต น้ำปลาหวานเป็นอาหารปรุงรสที่นิยมใช้ในหมู่ชาววังและชนชั้นสูง เนื่องจากมีรสชาติที่กลมกล่อม หาซื้อได้ยาก และเป็นเครื่องปรุงที่แสดงถึงความพิถีพิถันในการปรุงอาหาร

น้ําปลาหวาน โบราณ

กรรมวิธีการทำน้ำปลาหวาน

ส่วนผสม

  • น้ำปลาอย่างดี 1 ลิตร
  • น้ำตาลปี๊บ 1 กิโลกรัม
  • มะขามเปียก 200 กรัม
  • กระเทียม 10 กลีบ (โขลกละเอียด)
  • พริกขี้หนู 5-7 เม็ด (โขลกละเอียด)
  • เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

  1. นำน้ำปลาใส่หม้อ แล้วนำไปต้มจนเดือด
  2. ใส่กระเทียม พริกขี้หนู และเกลือลงไปผัดให้หอม
  3. ใส่เนื้อมะขามเปียกที่แกะเม็ดออกแล้วลงไปเคี่ยว พร้อมกับคนไปเรื่อยๆ
  4. เมื่อเนื้อมะขามเปื่อยดีแล้ว ให้ใส่น้ำตาลปี๊บลงไป คนให้ละลาย
  5. เคี่ยวส่วนผสมทั้งหมดต่อจนข้นเหนียวได้ที่ ยกลงจากเตา พักไว้ให้เย็น

คุณประโยชน์ของน้ำปลาหวาน

น้ำปลาหวานนอกจากจะมีรสชาติที่อร่อยแล้ว ยังอุดมไปด้วยคุณประโยชน์ต่างๆ มากมาย

  • มีแคลเซียม ช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง
  • มีธาตุเหล็ก ช่วยป้องกันภาวะโลหิตจาง
  • มีวิตามิน B12 ช่วยเสริมสร้างระบบประสาทและสมอง
  • มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอวัยและป้องกันโรคเรื้อรังต่างๆ

การนำน้ำปลาหวานมาใช้ปรุงอาหาร

น้ำปลาหวานสามารถนำมาใช้ปรุงอาหารได้หลากหลายเมนู ทั้งคาวและหวาน เช่น

  • อาหารคาว
  • ผัดกระเพรา
  • ผัดไทย
  • แกงเผ็ด
  • น้ำพริกต่างๆ
  • อาหารหวาน
  • ข้าวเหนียวมะม่วง
  • ขนมครก
  • ขนมเบื้อง

เคล็ดลับการทำน้ำปลาหวานโบราณ

  • ใช้ น้ำปลาแท้ 100% เพื่อให้ได้รสชาติที่อร่อยกลมกล่อม
  • ใช้ น้ำตาลปี๊บแท้ เพื่อให้ได้สีสันและรสชาติที่เข้มข้น
  • เคี่ยวส่วนผสมให้ ข้นเหนียวได้ที่ เพื่อให้ได้น้ำปลาหวานที่รสชาติเข้มข้น
  • เมื่อทำเสร็จแล้ว ควร พักไว้ให้เย็นก่อน เพื่อให้น้ำปลาหวานเข้าเนื้อได้ดี

การเก็บรักษาน้ำปลาหวาน

น้ำปลาหวานโบราณสามารถเก็บรักษาไว้ได้นานโดยไม่เสียรสชาติ โดยให้ใส่ในภาชนะที่ปิดสนิท และเก็บในตู้เย็นช่องธรรมดาได้นาน 1 เดือน

น้ำปลาหวานโบราณ...มรดกล้ำค่าคู่ครัวไทย

ข้อควรระวังในการปรุงน้ำปลาหวาน

  • ไม่ควรใส่น้ำปลาหวานในปริมาณที่มากเกินไป เพราะจะทำให้รสชาติอาหารเค็มเกิน
  • ควรชิมน้ำปลาหวานก่อนปรุงอาหารทุกครั้ง เพื่อปรับรสชาติให้เหมาะสม
  • ไม่ควรเก็บน้ำปลาหวานไว้นอกตู้เย็นเกิน 3-4 วัน เพราะอาจทำให้เสียรสชาติได้

ตารางเปรียบเทียบน้ำปลาหวานยี่ห้อต่างๆ

ยี่ห้อ ปริมาณ ราคา ส่วนประกอบ
ขามเปียก 300 มล. 40 บาท น้ำปลา, น้ำตาลปี๊บ, มะขามเปียก, กระเทียม, พริกขี้หนู
ตราหอยเป๋า 300 มล. 45 บาท น้ำปลา, น้ำตาลปี๊บ, มะขามเปียก, กระเทียม, พริกขี้หนู, เกลือ
แม่สอด 300 มล. 50 บาท น้ำปลา, น้ำตาลปี๊บ, มะขามเปียก, กระเทียม, พริกขี้หนู, กุ้งแห้ง

ตารางแสดงปริมาณสารอาหารในน้ำปลาหวาน

สารอาหาร ปริมาณต่อ 100 กรัม
แคลเซียม 30 มิลลิกรัม
ธาตุเหล็ก 1 มิลลิกรัม
วิตามิน B12 0.5 ไมโครกรัม

ตารางแสดงสัดส่วนการใช้เครื่องปรุงในการทำน้ำปลาหวานโบราณ

ปริมาณน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ มะขามเปียก กระเทียม พริกขี้หนู เกลือ
1 ลิตร 1 กิโลกรัม 200 กรัม 10 กลีบ 5-7 เม็ด 1 ช้อนโต๊ะ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับน้ำปลาหวาน

1. น้ำปลาหวานแท้ต้องมีส่วนประกอบอะไรบ้าง?

น้ำปลาหวานแท้ต้องมีส่วนประกอบหลัก ได้แก่ น้ำปลาแท้ น้ำตาลปี๊บ มะขามเปียก กระเทียม พริกขี้หนู และเกลือ

2. การเก็บน้ำปลาหวานให้อยู่ได้นานต้องทำอย่างไร?

ให้ใส่ในภาชนะที่ปิดสนิท และเก็บในตู้เย็นช่องธรรมดาได้นาน 1 เดือน

3. สามารถนำน้ำปลาหวานมาปรุงอาหารได้กี่แบบ?

น้ำปลาหวานสามารถนำมาใช้ปรุงอาหารได้หลากหลายเมนู ทั้งคาวและหวาน เช่น ผัดกระเพรา ผัดไทย แกงเผ็ด น้ำพริก ข้าวเหนียวมะม่วง ขนมครก และขนมเบื้อง

4. น้ำปลาหวานสามารถนำมาใช้ปรุงรสอาหารแทนน้ำปลาธรรมดาได้หรือไม่?

น้ำปลาหวานโบราณ...มรดกล้ำค่าคู่ครัวไทย

ได้ น้ำปลาหวานสามารถนำมาใช้ปรุงรสอาหารแทนน้ำปลาธรรมดาได้ แต่ต้องใส่น้อยกว่าน้ำปลาธรรมดา เนื่องจากน้ำปลาหวานจะมีรสชาติที่เข้มข้นกว่า

5. น้ำปลาหวานมีประโยชน์อย่างไรบ้าง?

น้ำปลาหวานมีประโยชน์ต่างๆ มากมาย เช่น มีแคลเซียม ธาตุเหล็ก วิตามิน B12 และสารต้านอนุมูลอิสระ

6. การปรุงน้ำปลาหวานมีข้อควรระวังอะไรบ้าง?

ข้อควรระวังในการปรุงน้ำปลาหวาน ได้แก่ ไม่ควรใส่น้ำปลาหวานในปริมาณที่มากเกินไป ควรชิมน้ำปลาหวานก่อนปรุงอาหารทุกครั้ง และไม่ควรเก็บน้ำปลาหวานไว้นอกตู้เย็นเกิน 3-4 วัน

Time:2024-09-04 18:32:30 UTC

newthai   

TOP 10
Don't miss