แนวโน้มราคาทองคำพรุ่งนี้: ปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตา
ปัจจัยภายในประเทศ
- ความต้องการในประเทศ: ความต้องการทองคำในประเทศยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเทศกาลมงคลและช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ
- แนวโน้มเศรษฐกิจ: หากเศรษฐกิจเติบโต ราคาทองคำก็มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น เนื่องจากนักลงทุนมองหาสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
- อัตราดอกเบี้ย: อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำจะสนับสนุนให้ผู้คนหันมาลงทุนในทองคำ เนื่องจากให้ผลตอบแทนที่มากกว่าการฝากธนาคาร
- ค่าเงินบาท: ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าจะทำให้ราคาทองคำในประเทศสูงขึ้น เนื่องจากต้องใช้เงินบาทมากขึ้นในการซื้อทองคำในต่างประเทศ
ปัจจัยต่างประเทศ
- ราคาทองคำโลก: ราคาทองคำโลกเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่ส่งผลต่อราคาทองคำในประเทศ โดยทั่วไปแล้ว ราคาทองคำในประเทศจะเคลื่อนไหวตามราคาทองคำโลก
- นโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด): เมื่อเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ย จะทำให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้น เนื่องจากนักลงทุนมองหาสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
- ความตึงเครียดทางการเมืองและเศรษฐกิจ: ความไม่แน่นอนทางการเมืองและเศรษฐกิจทั่วโลกจะทำให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้น เนื่องจากนักลงทุนมองหาสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
- อุปสงค์จากจีนและอินเดีย: จีนและอินเดียเป็นผู้บริโภคทองคำรายใหญ่ที่สุดในโลก ความต้องการจากทั้งสองประเทศจึงมีผลอย่างมากต่อราคาทองคำโลก
แนวโน้มราคาทองคำพรุ่งนี้
จากการพิจารณาปัจจัยต่างๆ ข้างต้น คาดการณ์ว่าราคาทองคำพรุ่งนี้น่าจะ ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย สาเหตุหลักมาจากราคาทองคำโลกที่ปรับตัวขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา รวมถึงความต้องการในประเทศที่ยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
ราคาทองคำย้อนหลังเพื่อการเปรียบเทียบ
วันที่ |
ราคาทองคำ (บาท/บาททองคำ) |
1 กุมภาพันธ์ 2566 |
30,000 |
8 กุมภาพันธ์ 2566 |
30,500 |
15 กุมภาพันธ์ 2566 |
30,700 |
22 กุมภาพันธ์ 2566 |
30,900 |
ตารางพยากรณ์ราคาทองคำพรุ่งนี้
แหล่งพยากรณ์ |
ราคาทองคำ (บาท/บาททองคำ) |
กรุงไทย-CIMB |
31,000 |
บัวหลวง |
30,950 |
Krungsri Research |
30,920 |
กลยุทธ์การลงทุนในทองคำ
- ซื้อถัวเฉลี่ยต้นทุน (DCA): แบ่งเงินลงทุนออกเป็นส่วนๆ แล้วซื้อทองคำเป็นประจำในช่วงเวลาหนึ่ง เพื่อลดความเสี่ยงจากการซื้อครั้งเดียว
- ซื้อในช่วงที่ราคาต่ำ: ซื้อทองคำเมื่อราคาปรับตัวลดลง เพื่อรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นในระยะยาว
- กระจายการลงทุน: ลงทุนทองคำร่วมกับสินทรัพย์อื่นๆ เพื่อกระจายความเสี่ยง
- ลงทุนในกองทุนทองคำ: ลงทุนในกองทุนรวมหรือกองทุนอีทีเอฟที่มีทองคำเป็นสินทรัพย์หลัก เพื่อความสะดวกและกระจายการลงทุน
ข้อผิดพลาดที่ควรหลีกเลี่ยง
- การลงทุนครั้งเดียว: การลงทุนทองคำครั้งเดียวในจำนวนมากอาจทำให้เกิดความเสี่ยงสูง หากราคาทองคำปรับตัวลดลง
- การลงทุนตามกระแส: อย่าลงทุนในทองคำเพียงเพราะผู้อื่นกำลังลงทุน ให้วิเคราะห์และทำการบ้านก่อนตัดสินใจ
- การขายเมื่อราคาปรับตัวลดลง: หลีกเลี่ยงการขายทองคำเมื่อราคาปรับตัวลดลง ควรพิจารณาถือครองทองคำในระยะยาวเพื่อรับผลตอบแทนที่ดีกว่า
- การลงทุนเกินกำลัง: อย่าลงทุนในทองคำเกินกว่าที่สามารถรับความเสี่ยงได้
วิธีลงทุนในทองคำแบบขั้นตอน
- เปิดบัญชีซื้อขายทองคำ: เปิดบัญชีซื้อขายทองคำกับธนาคารพาณิชย์หรือบริษัทหลักทรัพย์ที่มีบริการซื้อขายทองคำ
- โอนเงินเข้าบัญชี: โอนเงินเข้าบัญชีซื้อขายทองคำเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการซื้อทองคำ
- ตัดสินใจซื้อทองคำ: พิจารณาปัจจัยต่างๆ และตัดสินใจซื้อทองคำในปริมาณที่ต้องการ
- วางคำสั่งซื้อ: วางคำสั่งซื้อทองคำผ่านแพลตฟอร์มซื้อขายของธนาคารหรือบริษัทหลักทรัพย์
- รับการยืนยัน: เมื่อคำสั่งซื้อได้รับการยืนยัน ทองคำจะถูกโอนเข้าบัญชีซื้อขายของคุณ
- ถอนทองคำ: หากต้องการถอนทองคำ สามารถติดต่อธนาคารหรือบริษัทหลักทรัพย์เพื่อทำการถอนได้
เหตุผลที่การลงทุนในทองคำมีความสำคัญ
- เป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย: ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยในยามวิกฤตเศรษฐกิจหรือความไม่แน่นอนทางการเมือง
- ป้องกันความเสี่ยงเงินเฟ้อ: ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ช่วยป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อได้ เนื่องจากมูลค่าของทองคำมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเมื่อเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น
- กระจายการลงทุน: ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ช่วยกระจายการลงทุน ทำให้ลดความเสี่ยงโดยรวมของพอร์ตการลงทุน
ผลประโยชน์ของการลงทุนในทองคำ
- ความปลอดภัย: ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยและมีความเสถียรสูง ช่วยลดความเสี่ยงในช่วงวิกฤตการณ์ทางการเงิน
- ป้องกันเงินเฟ้อ: ทองคำช่วยปกป้องมูลค่าของเงินจากการกัดกร่อนของเงินเฟ้อ ทำให้มั่นใจได้ว่าเงินออมจะไม่สูญมูลค่าในระยะยาว
- การกระจายการลงทุน: ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่สัมพันธ์กับสินทรัพย์อื่นๆ ในพอร์ตโฟลิโอ จึงช่วยลดความเสี่ยงโดยรวม