Position:home  

โบอิ้ง 777: ตำนานแห่งท้องฟ้าที่ยังคงโลดแล่น

เครื่องบิน โบอิ้ง 777 คือเครื่องบินโดยสารลำตัวกว้างสองชั้นที่ผลิตโดยบริษัทโบอิ้งแห่งสหรัฐอเมริกา โดยได้เริ่มให้บริการในปี 1995 เครื่องบินลำนี้เป็นเครื่องบินที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในหมู่สายการบินต่างๆ เนื่องจากมีประสิทธิภาพสูง ประหยัดน้ำมัน และมีห้องโดยสารที่กว้างขวาง นับตั้งแต่เปิดตัวมา โบอิ้ง 777 ได้ส่งมอบไปแล้วกว่า 1,600 ลำ และยังคงเป็นหนึ่งในเครื่องบินโดยสารที่สำคัญที่สุดในโลก

ประวัติการพัฒนา

โบอิ้งเริ่มพัฒนาเครื่องบิน 777 ในช่วงปลายทศวรรษ 1980 เพื่อตอบสนองความต้องการของสายการบินสำหรับเครื่องบินโดยสารขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเครื่องบิน 747 และ 767 เครื่องบินลำแรกเริ่มบินทดสอบในปี 1994 และได้รับการรับรองจากหน่วยงานกำกับดูแลในปี 1995 โดยเครื่องบินลำแรกได้เข้าประจำการกับสายการบินยูไนเต็ดแอร์ไลน์ในปีเดียวกันนั้น

การออกแบบ

โบอิ้ง 777 มีลำตัวที่ยาวและเพรียวลม พร้อมกับปีกกว้างและหางแนวตั้งแบบคู่ ลำตัวเครื่องบินทำจากอลูมิเนียมอัลลอยด์และคอมโพสิต โดยมีการใช้คอมโพสิตมากขึ้นในรุ่นต่อๆ มา เครื่องบินติดตั้งเครื่องยนต์แบบเทอร์โบแฟน General Electric GE90 ซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในโลก

เครื่องบิน โบ อิ้ ง 777

ห้องโดยสาร

ห้องโดยสารของโบอิ้ง 777 กว้างขวางและโอ่โถง โดยมีการกำหนดค่าที่นั่งในหลายแบบ สายการบินสามารถเลือกใช้การกำหนดค่าสามชั้น (ชั้นธุรกิจ ชั้นประหยัดพรีเมียม และชั้นประหยัด) หรือสองชั้น (ชั้นธุรกิจและชั้นประหยัด) ห้องโดยสารมีหน้าต่างขนาดใหญ่ที่ให้ทัศนียภาพที่กว้างไกล นอกจากนี้ยังมีระบบความบันเทิงบนเครื่องบินที่ทันสมัย ​​ระบบปรับอากาศที่ควบคุมอุณหภูมิได้ และห้องสุขาที่กว้างขวาง

โบอิ้ง 777: ตำนานแห่งท้องฟ้าที่ยังคงโลดแล่น

ประสิทธิภาพ

โบอิ้ง 777 มีประสิทธิภาพสูงอย่างโดดเด่น เครื่องบินได้รับการออกแบบให้ประหยัดน้ำมันที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยใช้เครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพสูงและปีกที่ออกแบบมาเพื่อลดแรงต้านอากาศ นอกจากนี้ เครื่องบินยังมีน้ำหนักที่ค่อนข้างเบาเนื่องจากการใช้คอมโพสิต ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ โบอิ้ง 777 จึงสามารถบินได้ระยะไกลในขณะที่ใช้เชื้อเพลิงน้อยลง

ความปลอดภัย

โบอิ้ง 777 มีประวัติความปลอดภัยที่ยอดเยี่ยม โดยไม่มีอุบัติเหตุร้ายแรงใดๆ เกิดขึ้นตั้งแต่เปิดตัวมา เครื่องบินติดตั้งระบบความปลอดภัยขั้นสูงมากมาย รวมถึงระบบควบคุมการบินแบบ fly-by-wire ระบบป้องกันการชน และระบบดับเพลิง นอกจากนี้ ลูกเรือยังได้รับการฝึกอบรมอย่างเข้มงวดเพื่อให้แน่ใจว่าเที่ยวบินมีความปลอดภัยและราบรื่น

ประวัติการพัฒนา

รุ่นต่างๆ

โบอิ้งได้ผลิตเครื่องบิน 777 หลายรุ่น โดยแต่ละรุ่นมีคุณสมบัติและความสามารถที่แตกต่างกันไป รุ่นหลักๆ ได้แก่:

  • 777-200: รุ่นดั้งเดิมที่มีระยะการบิน 5,240 ไมล์ทะเล
  • 777-200ER: รุ่นพิสัยขยายที่มีระยะการบิน 7,285 ไมล์ทะเล
  • 777-300: รุ่นขยายลำตัวที่มีความจุผู้โดยสารมากขึ้นและระยะการบิน 5,500 ไมล์ทะเล
  • 777-300ER: รุ่นพิสัยขยายของ 777-300 ที่มีระยะการบิน 7,370 ไมล์ทะเล
  • 777F: รุ่นขนส่งสินค้าที่มีความสามารถในการบรรทุกสูงสุด 104 ตัน

ผู้ใช้

โบอิ้ง 777 ถูกใช้โดยสายการบินต่างๆ มากมายทั่วโลก รวมถึง:

  • United Airlines
  • Emirates
  • Qatar Airways
  • Cathay Pacific
  • Singapore Airlines
  • Malaysia Airlines
  • Korean Air
  • China Airlines

การแข่งขัน

โบอิ้ง 777 แข่งขันกับเครื่องบินโดยสารลำตัวกว้างอื่นๆ หลายรุ่น เช่น:

  • Airbus A350
  • Airbus A380
  • Boeing 787 Dreamliner

อนาคต

อนาคตของโบอิ้ง 777 ยังคงสดใส โดยสายการบินจำนวนมากยังคงสั่งซื้อเครื่องบินรุ่นนี้ โบอิ้งกำลังพัฒนาเครื่องบินรุ่นปรับปรุงใหม่ 777X ซึ่งมีกำหนดจะเปิดตัวให้บริการในปี 2025 เครื่องบินรุ่นใหม่นี้จะมาพร้อมกับเครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพมากกว่า ปีกที่ออกแบบใหม่ และห้องโดยสารที่ได้รับการปรับปรุง

เรื่องราวที่น่าสนใจ

  • ในปี 2003 เครื่องบินโบอิ้ง 777 ของสายการบิน British Airways ได้ลงจอดฉุกเฉินที่สนามบิน Heathrow ในลอนดอนหลังจากที่ชนเข้ากับฝูงนก นักบินสามารถควบคุมเครื่องบินได้ และไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
  • ในปี 2008 เครื่องบินโบอิ้ง 777 ของสายการบิน All Nippon Airways ได้บินผ่านพายุไต้ฝุ่นและลงจอดที่สนามบินภูเก็ตในประเทศไทยได้อย่างปลอดภัย แม้ว่าเครื่องบินจะได้รับความเสียหายบางส่วน แต่ก็ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ
  • ในปี 2014 เครื่องบินโบอิ้ง 777 ของสายการบิน Malaysia Airlines เที่ยวบิน MH370 ได้หายไปจากจอเรดาร์หลังจากออกจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ไปปักกิ่ง เครื่องบินและผู้โดยสารทั้ง 239 คนไม่เคยถูกพบ และสาเหตุของการหายตัวยังคงเป็นปริศนา

บทเรียนที่เราเรียนรู้

เรื่องราวเหล่านี้สอนบทเรียนอันมีค่าเกี่ยวกับความปลอดภัยของการบิน:

  • สัตว์ป่าสามารถเป็นอันตรายต่อเครื่องบินได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเครื่องบินขึ้นและลงจอด
  • สภาพอากาศที่รุนแรงอาจเป็นอันตรายได้ แต่เครื่องบินได้รับการออกแบบให้ทนทานต่อสภาพอากาศที่รุนแรงที่สุด
  • แม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น นักบินก็ได้รับการฝึกฝนให้รับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินและลงจอดเครื่องบินได้อย่างปลอดภัย


ข้อมูลจำเพาะทางเทคนิค

คุณสมบัติ โบอิ้ง 777-200ER โบอิ้ง 777-300ER
ความยาว 216 ฟุต 242 ฟุต
ความกว้างปีก 199 ฟุต 213 ฟุต
ความสูง 61 ฟุต 61 ฟุต
น้ำหนักวิ่งขึ้นสูงสุด 654,000 ปอนด์ 775,000 ปอนด์
ความจุผู้โดยสาร (สูงสุด) 440 550
พิสัยการบิน 7,285 ไมล์ทะเล 7,370 ไมล์ทะเล
ความเร็วสูงสุด 565 ไมล์ต่อชั่วโมง 565 ไมล์ต่อชั่วโมง
เครื่องยนต์ General Electric GE90 General Electric GE90


ตารางการบำรุงรักษาตามกำหนดเวลา

วันที่ การบำรุงรักษา
750 ชั่วโมง การตรวจสอบ A
1,500 ชั่วโมง การตรวจสอบ B
3,000 ชั่วโมง การตรวจสอบ C
6,000 ชั่วโมง
Time:2024-08-21 19:39:10 UTC

newthai   

TOP 10
Related Posts
Don't miss